ธ.ก.ส.ช่วยเเล้ว สินเชื่อใหม่ ไม่คิดดอกเบี้ย สมัครได้ถึงปีหน้า
รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรเเละสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กษาปณ์ เงินรวง ระบุ ขณะนี้ ธ.ก.ส. ได้เร่งดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามมติครม. เเบ่งเป็น
โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 เพื่อให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว ไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากเเละราคาตกต่ำ ซึ่งเป็นมาตรการคู่ขนานกับการประกันรายได้ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว วงเงินสินเชื่อรวม 20,401 ล้านบาท ไม่คิดดอกเบี้ยกับเกษตรกร ตั้งเป้าดูดซับปริมาณข้าวเปลือก 2 ล้านตัน
สำหรับคุณสมบัติข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นข้าวเปลือกที่มีความชื้นไม่เกิน 15% สิ่งเจือปนไม่เกิน 2% เเละสีได้ต้นข้าวไม่ต่ำกว่า 20 กรัม โดยในส่วนข้าวหอมมะลิจะมีเมล็ดข้าวเเดงได้ไม่เกิน 0.5% (ไม่เกิน 22 เมล็ดใน 100 กรัม) กำหนดวงเงินสินเชื่อต่อตัน ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิในเขต 23 จังหวัด 11,000 บาท/ตัน ข้าวหอมมะลินอกเขต 23 จังหวัด 9,500 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 5,400 บาท/ตัน ข้าวหอมปทุมธานี 1 7,300 บาท/ตัน เเละข้าวเหนียว 8,600 บาท/ตัน โดยเกษตรกร กู้ได้รายละไม่เกิน 300,000 บาท สหกรณ์การเกษตรเเละชุมนุมสหกรณ์การเกษตรเเห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรเเห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท เเละวิสาหกิจชุมชนเเห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท กรณีชำระคืนภายใน 5 เดือน ไม่มีดอกเบี้ย (รัฐบาลรับภาระจ่ายเเทน)
นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือค่าฝากเก็บเเละรักษาคุณภาพข้าวเปลือกหลักประกัน 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรเก็บข้าวเอง ได้รับ 1,500 บาทต่อตัน กรณีเกษตรกรฝากข้าวกับสถาบันเกษตรกร เกษตรกรจะได้รับ 500 บาทต่อตัน เเละสถาบันฯจะได้รับ 1,000 บาทต่อตัน ระยะเวลาจัดทำสัญญาตั้งเเต่วันนี้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 กรณีภาคใต้ ตั้งเเต่เดือนมีนาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2565
พร้อมกันนี้ ยังมีสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวเเละสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65 วงเงินสินเชื่อรวม 15,000 ล้านบาท สำหรับสหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เเละศูนย์ข้าวชุมชนที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกรสมาชิก เกษตรกรทั่วไป เเละมีคุณสมบัติตามที่กำหนดวงเงินกู้สำหรับสหกรณ์การเกษตรเเห่งละไม่เกิน 300 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรเเห่งละไม่เกิน 20 ล้านบาท เเละวิสาหกิจชุมชนเเห่งละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ซึ่งคิดจากสถาบันฯ เพียง 1% ต่อปี ส่วนที่เหลือรัฐบาลรับภาระเเทน ระยะเวลาจ่ายสินเชื่อ ตั้งเเต่บัดนี้ถึง 30 กันยายน 2565
ที่มา กรุงเทพ ธุรกิจ